ทำเล็บ เพ้นท์เล็บ บ่อยๆ ดีจริงหรือ?
สาว ๆ หลายคนชื่นชอบการ ทำเล็บ เป็นชีวิตจิตใจ เพราะทำแล้วมือดูเรียวยาว เล็บสวยดูดี สวยสง่า เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต ยิ่งถ้าได้ช่างทำเล็บเก่ง ๆ แล้วล่ะก็ เล็บที่ทำมา สามารถเปลี่ยนลุค เปลี่ยนคาแรกเตอร์ของเราได้เลยทีเดียว แล้วมีหรือที่พวกเราจะไม่ชอบให้เล็บของเราดูโดดเด่น มีสีสันสวยงามสะดุดตา บางทีพวกเราก็รู้สึกเบื่อๆกับสีเล็บธรรมชาติ เลยอยากลุกขึ้นมาทาเล็บหรือทำเล็บก็ช่วยเพิ่มสีสัน เติมชีวิตชีวา ให้กับชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อได้ เพราะอย่างนี้ สาว ๆ ในปัจจุบันจึงนิยมทำเล็บกันมาก บางคนแวะเวียนเข้าออกร้านทำเล็บเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองกันเลยทีเดียว
แต่เอ…ทำเล็บ บ่อยๆแบบนี้มันดีไหมนะ หลายคนมีคำถามแบบนี้ บ้างก็ว่าทำแล้วหน้าเล็บพัง บ้างก็ว่าทำแล้วเล็บเปราะ เล็บอ่อนแอ บ้างก็ว่ากลัวเป็นมะเร็ง (ว่าไปนั่น) เอาล่ะ! วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันค่ะ
การทำเล็บจริงๆแล้ว เค้าทำกันยังไง?
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนค่ะ ว่าจริงๆ แล้ว เวลาสาว ๆ เข้าร้านทำเล็บที่คุณภาพดี มีมาตรฐาน เค้าจะให้บริการอะไรบ้าง
การทำเล็บที่ดีและถูกวิธี คือ การตกแต่งมือและเล็บ โดยช่างทำเล็บมืออาชีพที่มีใบอนุญาตหรือผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านการดูแลและทำเล็บโดยเฉพาะ ซึ่งขั้นตอนการตกแต่งมือและเล็บดังกล่าว เรียกกันว่า “manicure” ซึ่งจะไม่เพียงรักษาและดูแลเล็บธรรมชาติของเรา แต่ยังช่วยถนอมมืออีกด้วย
“manicure” มาจากภาษาลาติน: manus แปลว่ามือ และ cura แปลว่า การดูแล ซึ่งถ้าแปลรวมกันก็คือ “การดูแลมือ” นั่นเองค่ะ
ถึงแม้จะเรียกว่าการดูแลมือ แต่เอาจริงๆแล้วไม่ใช่แค่มือนะคะ เพราะการทำ Manicure ส่วนใหญ่ถ้าไปทำที่ร้านทำเล็บเค้าจะเน้นการทำเล็บเสียมากกว่า แล้วถ้าใครที่ทำเล็บที่ร้านเป็นประจำก็จะทราบดีว่าการทำ Manicure ทำได้ทั้ง หญิง และ ชายค่ะ
การทำ manicure ประกอบด้วย
- แช่มือ
- ตัดเล็บ
- การตะไบขอบเล็บให้เป็นทรงที่ต้องการ
- บำรุงมือและเล็บ
- นวดมือ
- (กรณีไม่ต้องการทาสีเล็บ) ใช้การขัดเงาแทนการทารองพื้น
- (กรณีที่ต้องการทาสีเล็บ) ทารองพื้น
- ทาสีบนเล็บ
- ทาน้ำยาเคลือบเล็บ (Top Coat)
นอกจากนี้ยังมีบริการ ทำ manicure พิเศษสำหรับเฉพาะมือและเท้า สำหรับมือ อาจแช่ด้วยสารสกัดต่างๆ อาทิ Essential Oil, น้ำผึ้ง, นม, หรืออื่นๆ ที่ทำให้ผิวหนังนุ่ม ชุ่มชื่น แล้วตามด้วยการทา Hand Cream หรือ Hand Lotion ขั้นตอนเหล่านี้สามารถใช้กับเล็บเท้า และเท้า ที่เรียกว่า pedicure ด้วยเช่นกัน
การบำบัดเล็บ (์Nail Treatment) อื่นๆ อาจรวมถึงการใช้ acrylics หรือเล็บเทียมแบบ gel ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการทำ manicure / pedicure ด้วย โดยบางคนอาจเพ้นท์ลายบนเล็บหรือ ติดประดับด้วยคริสตัล
ประโยชน์ของการทำเล็บแบบ manicure และ pedicure
จากขั้นตอนของ manicure และ pedicure ที่บอกไป ทราบมั้ยคะว่าแต่ละขั้นตอนไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่ส่งผลดีกับlสุขภาพเล็บของเราอีกด้วยนะคะ
การแช่มือ-เท้า
มักนิยมแช่ในน้ำอุ่นๆ อุณหภูมิ 36-38 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาที อาจหยดน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ หรือ essential oil ลงไป 2-3 หยด ช่วยทำความสะอาดหนังกำพร้าและทำให้ผิวอ่อนนุ่มลง ให้ผลดีสำหรับผิวแห้งและเล็บที่เปราะเพราะจะช่วยให้นุ่มขึ้นและเล็บอ่อนนุ่ม ไม่ฉีกขาดง่าย ประเภทของน้ำมันหอมระเหยที่ให้ผลดี ก็ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันพริมโรส น้ำมันมะพร้าว Argan Oil เป็นต้น
อีกข้อดีของการแช่มือ-เท้า คือ ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้นด้วยค่ะ ยิ่งสำหรับสาว ๆ ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ เสี่ยงกับการเป็นนิ้วล็อค หรือ ออฟฟิศซินโดรม วิธีนี้จะช่วยให้อาการดีขึ้นค่ะ
การตัดเล็บ
ข้อดีของการตัดเล็บ แน่นอนที่สุดคือเรื่องความสะอาดค่ะ เชื่อหรือไม่คะ ว่าเล็บของเราเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลบ เพราะในแต่ละวันเราใช้มือจับ สัมผัส ไปจนแคะ แกะ เกา สิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเราซึ่งเต็มไปด้วยคราบสกปรก ฝุ่นละออง และเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านี้ มักแอบซุกตัวในซอกเล็บของเรา เมื่อเราใช้นิ้วมือมาสัมผัสหน้าตา หยิบอาหารใส่ปาก เชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับเล็บ ก็พร้อมเข้าสู่ร่างกายเราได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับความยาวของเล็บด้วยนะคะ ถ้าเล็บยาวแต่ดูแลรักษาดี ก็ปลอดเชื้อค่ะ
อีกอย่าง การตัดเล็บอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราไม่เป็นเล็บขบให้เจ็บตัวด้วยนะคะ
การตะไบขอบเล็บให้เป็นทรงที่ต้องการ
ข้อดีของการตะไบหน้าเล็บก็คือช่วยขัดให้หน้าเล็บดูเรียบเนียนขึ้น การตะไบหน้าเล็บจะช่วยขจัดสารเคมีที่ตกค้าง จากการทาเล็บ ขจัดเซลล์ผิวที่ตาย ออกไป ส่วนการตะไบส่งเล็บนั้นช่วยให้เราตกแต่งส่งเล็บได้ตามที่ต้องการช่วยลบเหลี่ยมของมุมเล็บได้
การทา Lotion บำรุงร่วมกับการนวด
การดูแลเล็บด้วยการทา Lotion บำรุงบริเวณเล็บ ช่วยทำให้สุขภาพเล็บดียิ่งขึ้น และยังช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ นิ้วมืออ่อนนุ่มไม่หยาบแข็งกระด้าง เพราะถ้าในชีวิตประจำวันของเราต้องมีการสัมผัสกับสารต่างเช่น เวลาที่เราซักผ้า หรือเวลาล้างจาน มือและเล็บของเราต้องสัมผัสกับสารเคมีจำพวกสารลดแรงตึงผิว (SLS, SLES) ซึ่งจะทำให้นิ้วมือและเล็บหยาบกระด้าง ดังนั้นการทาโลชั่นหรือ Hand Cream จะช่วยบำรุงมือให้นุ่ม และนำรุงเล็บให้แข็งแรง สวย และเงางาม
ควรทำพร้อมการนวดนิ้วมือประมาณ 3-5 นาทีด้วยเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมสร้างเล็บที่อยู่บริเวณโคนเล็บ
จะเห็นได้ว่าทุกขั้นตอนของการทำเล็บแบบ manicure / pedicure ให้ความสำคัญกับสุขภาพของมือและเล็บเป็นสำคัญ ดังนั้นหากเราดูแลมือและเล็บของเราด้วยวิธีนี้อย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้สุขภาพมือและเล็บแข็งแรงค่ะ
สุขภาพเล็บกับการทำเล็บบ่อย
ทำเล็บในที่นี้ หมายถึงการทำสี ทาสีเล็บ เพ้นท์เล็บ ต่อเล็บ ค่ะ ซึ่งปัญหาหลักๆ ของสาวๆ ที่ทำเล็บแบบต่อเล็บ เพ้นท์เล็บ บ่อยๆ ก็คือ หน้าเล็บบางนั่นเองค่ะ มันจะเป็นสีขาวๆ ลอกเป็นขุยๆ ที่หน้าเล็บ อันเกิดจากขั้นตอนของการเตรียมหน้าเล็บก่อนลงสี หรือ ต่อเล็บ ต้องมีการตะไบหน้าเล็บออกนิดหน่อยเพื่อให้สีหรือกาวติดเล็บสามารถติดทนนาน ไม่หลุดลอกง่ายค่ะ
วิธีแก้ไขกรณีเล็บอ่อนแอจากการทำเล็บบ่อยเกินไป
- หยุดเป็นช่วงๆหรือทำเล็บธรรมดาสลับกับการทาสีเล็บเจล เพื่อเว้นช่วงให้เล็บได้พักซ่อมแซมตัวเอง เช่น อาจทำต่อเนื่อง 1-2 เดือน ก็อาจจะหยุดพักเล็บสัก 1 – 2 อาทิตย์ สลับกันไป ขึ้นกับความถี่ของการทำและสุขภาพเล็บของคุณค่ะ
- พักเล็บยาว ในกรณีที่หักโหมทำสีต่อเล็บต่อเนื่องยาวนาน จนเล็บบางแล้วเปราะฉีก แนะนำให้พักเล็บอย่างน้อย 1 เดือนค่ะ ให้เล็บได้ฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเอง
- จะช่วงทำเล็บหรือพักเล็บก็ควรบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ทาครีมให้ความชุ่มชื้นทุกครั้งหลังล้างมือ ตามด้วยวาสลีนหรือผลิตภัณฑ์บำรุงจมูกเล็บ
- ทานอาหารช่วยบำรุงเล็บ ใช้ความงามจากภายในช่วยให้เล็บแข็งแรงเร็วขึ้นอีกทางหนึ่งค่ะ อาหารบำรุงเล็บก็ได้แก่
- เสริมกรดไขมัน ด้วย “ปลาแซลมอน” ช่วยป้องกันเล็บเปราะบาง
- รับประทาน “เนื้อสัตว์” เสริมเคราตินให้ร่างกาย เพิ่มความแข็งแรงให้เล็บ จะเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา ไข่ไก่ ถั่ว ฯลฯ ได้หมดค่ะ
- ผิวเล็บขรุขระ ไม่เรียบเนียน ป้องกันได้ด้วยอาหารที่ “ธาตุเหล็ก” ได้แก่ ไข่แดง ผักโขม เนื้อแดง เนื้อปลา เนื้อไก่
- ป้องกันและรักษาดอกเล็บด้วยอาหารที่อุดมด้วย “สังกะสี” ได้แก่ หอยนางรม ตับ เนื้อสัตว์ ข้าวไม่ขัดสี และธัญพืชแบบถั่ว งา เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
ข้อควรรู้เรื่องการทำเล็บ
- อย่างแรกเลยแสงสีฟ้า (UV / LED lights) ที่ใช้อบสีเจล ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังของคุณ แต่! เป็นอันตรายต่อสายตา ฉะนั้นสาวๆ จึงไม่ควรมองหรือจ้องในขณะที่ทำเล็บ ให้หันหน้าไปทางอื่นแทน
- เบอร์ของตะไบที่ใช้เตรียมหน้าเล็บเพื่อทาสีเจลควรเป็นเบอร์ 200/220 หากใช้เบอร์ที่มีตัวเลขน้อยกว่านี้ จะเป็นตะไบที่หยาบเกินไป และทำให้หน้าเล็บบาง ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดผลเสียกับเล็บของสาวๆ เอง
- สีเจลจะอยู่ทนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กันประสบการณ์และขั้นตอนการทาของช่าง เนื่องจากสีเจลไม่ชอบความชื้น ความมัน และฝุ่นผง ดังนั้นในขั้นตอนการเตรียมหน้าเล็บ ช่างที่มีประสบการณ์เค้าจะระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษเลยค่ะ
- ห้ามตัดหนังบริเวณโคนเล็บออกเด็ดขาด!!! เพราะเป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อ
“สิ่งสำคัญที่สุดในการทำเล็บคือ ความสะอาด ความปลอดภัย และสุขอนามัย”
ช่างทำเล็บต้องมีใบอนุญาต ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านการดูแลทำ manicure และ pedicure และต้องปฏิบัติตามระเบียบด้านอนามัย เนื่องจากผิวที่จะถูกจัดการและมีการตัดแต่ง บางครั้งอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อถ้าเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไม่สะอาดเพียงพอ เครื่องมือที่ใช้ในการทำ manicure และ pedicure ต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี พร้อมฆ่าเชื้อเพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกค้าที่รับบริการ